วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

เเมวสโนว์ชู




เเมวพันธ์สโนว์ชู

ลักษณะของเเมว
เป็นแมวขนาดกลางที่มีรูปร่างค่อนข้างเหมือนแมวไทย และก็มีส่วนคล้ายแมวโอเรียนทัลอยู่ด้วย ลำตัวจะกลมกว่า ส่วนหัวกว้าง และยาวไม่มาก ใบหูขนาดกลางปลายหูกลมมน ดวงตารูปไข่ ส่วนใหญ่เป็นสีฟ้า มีขนสั้นเหมือนแมวไทย และ ที่สำคัญที่สุดคือ บริเวณอุ้งเท้าทั้งสี่ จะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น
ประวัติของเเมว
เป็นแมวขนสั้นที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างแมวไทย กับแมวอเมริกัน ช็อตแฮร์ ( American Shorthair ) หรือ แมวในตระกูลโอเรียลทัล ( Oriental ) โดยเริ่มมีต้นกำเนิดของแมวชนิดนี้ ราวๆปี ค.ศ. 1960 เมื่อนักผสมพัธุ์แมวที่เลี้ยงแมวไทยเพศเมียไว้ จนแมวของธอให้กำเนิดลูกๆที่มีลักษณะเหมือนแมวไทยทุกประการ แต่ที่อุ้งท้าทั้งสี่ของมันกลับมีสีขาว ซึ่งเป็นจุดเด่นของเเมวชนิดนี้ และทำให้มันถูกเรียกว่า "Snowshoe" ที่มีความหมายว่่ารองเท้าหิมะ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาในปัจจุบันแมวชนิดนี้ได้รับการผสมข้ามสายพันธุ์ จนมีแทบทุกเฉดสี และหลากหลายลวดลาย แต่จุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือ บริเวณอุ้งเท้าทั้งสี่ จะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น

อเมริกัน เคิร์ล


เเมวพันธ์อเมริกัน เคิร์ล
ลักษณะของเเมว
แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ตัวผู้จะมีลักษณะสวยงามและสง่างามกว่า แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ตัวเมีย โดยเพศเมียมีน้ำหนักประมาณ 5-8 ปอนด์ เพศผู้หนักประมาณ 7-10 ปอนด์ โตเต็มที่เมื่ออายุ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี เมื่อแรกเกิด ลูกแมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl หูจะยังไม่พลิก แต่เมื่อผ่านไปราว 2 สัปดาห์ หูก็จะเริ่มพลิกม้วนไปด้านหลังมากขึ้น จนเมื่ออายุได้ 16 สัปดาห์ หูจะเริ่มพลิกไปด้านหลังอย่างถาวร โดยหูจะม้วนไปข้างหลังอย่างน้อย 90 องศา แต่ไม่ถึง 180 องศา ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์นี้ นอกจากจะมีหูพลิกแล้ว ยังมีร่างกายขนาดกลางที่สมส่วน ขนเป็นมันหนาแน่น ดวงตาเป็นรูปวอลนัท โดยขนจะไม่ยาวมาก เป็นแบบกึ่งสั้นกึ่งยาว ขนจะเรียบไม่ฟู แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl มีหลากหลายสีและรูปแบบ เนื่องจากขนที่หนาแน่นนี้เอง ทำให้ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curlต้องการการดูแลขนมากเป็นพิเศษ
ประวัติของเเมว
  แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ถูกค้นพบในชุมชน California ของ Lakewood โดย Joe และ Grace Ruga ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1981 Joe กลับจากทำงานตอนเย็นนั้นและพบลูกแมว 2 ตัวอายุ 6 เดือน ภายนอกบ้านของเขา จึงรับมาเลี้ยงดู พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าพวกมันมีหูที่เป็นวงนั้นจากหลังถึงหัว ดูแล้วเป็นที่น่าขัน ลูกแมวตัวที่เป็นพี่ มีสีดำกับขนยาวและอีกตัวหนึ่ง มีขนสีดําและสีขาวและขนกึ่งยาว ทั้งสองมีขนนุ่มเป็นมันเรียบคล้ายไหม ลูกแมวทั้งสองถูกตั้งชื่อว่าShulamith และ Pandaต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ.1981 หลังการตกลูกครอกแรกของ Shulamith พวกเขาจึงได้มองเห็นถึงการมีใบหูที่มีลักษณะที่พิเศษไม่เหมือนใครของมัน แสดงถึงการค้นพบพันธุ์ใหม่ของแมว พวกเขาเริ่มต้นการวิจัยและการทดสอบเพาะพันธุ์โดยทันที ซึ่งนำมาสู่การยอมรับและได้รับการจดทะเบียนเป็น อเมริกัน เคิร์ล American Curl แมวพันธุ์ใหม่ของโลกในปี ค.ศ.1986 ซึ่งแมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นแมวที่สามารถแบ่งพันธุ์ได้ทั้งสองชนิดคือมีทั้ง แบบ Shorthair และ Longhair

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

สก๊อตติสโฟลด์




เเมวพันธ์สก๊อตติสโฟลด์
ลักษณะของเเมว
 แมวพันธุ์ Scottish Fold จะมีลักษณะตัวกลม หัวกลม มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ มีช่องกว้าง และแสดงออกถึงความสดใส ความหวาน พวก Fold นี้ สามารถมีหูที่มีลักษณะตั้งตรงขนาดกลางได้ไปจนถึง หูพับขนาดเล็ก ที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม หูของลูกแมวจะเริ่มพับในช่วง2-3 อาทิตย์แรก มีคางที่กลมมน จมูกสั้นโค้ง กว้าง เพื่อรับกับดวงตา บางครั้งปากจะโค้งรับกับคางที่โค้งทำให้ ได้ฉายาว่า smiling cat หรือ แมวยิ้ม ดังที่แสดงในภาพ Scottish Fold จะมีลักษณะกลมทั้งตัว
ประวัติ
 แมวพันธุ์ Scottish Fold ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1961 ในสก๊อตแลนด์ มันมีชื่อว่า Susie มีลักษณะเป็นแมวสีขาวที่มีหูพับไปมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ ใบหน้ามีลักษณะคล้าย นกฮูก หรือหน้าของตัวนาก ผู้ที่สังเกตเห็นคนแรกคือ William Ross มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ William และภรรยาเป็นคนที่รักแมวมาก และทั้งคู่สนใจ Susie มาก เมื่อ Susie ออกลูกเป็นลูกแมวหูพับ 2 ตัว ครอบครัวของเขาจึงขอลูกแมวตัวเมียตัวหนึ่งมาเลี้ยง และได้ตั้งชื่อว่า Snooks ลูกของ Snooks เป็นสายพันธุ์ที่มาจาก British Shorthair และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ Scottish Fold ในเวลานี้ สายพันธุ์นี้ได้รับการจดทะเบียนจาก The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษทั้งนี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1960 Pat Turner นักพันธุศาสตร์ และ cat breeder เป็นผู้หนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์นี้ ในช่วง 3 ปี มีลูกแมวเกิด 76 ตัว 42 ตัวเป็น พวกหูพับ อีก 34 ตัว เป็นพวกหูตั้ง เธอได้ร่วมกับ Peter Dyte นักพันธุศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ลงความเห็นว่า ลักษณะหูพับกลายเป็นลักษณะเด่น นั่นหมายถึงถ้าลูกแมวได้รับการถ่ายทอดยีนจากพวกที่มีหูตั้ง และพวกที่มีหูพับ ลูกแมวตัวนั้นจะมีลักษณะหูพับสำหรับ Susie ต้นกำเนิดของ แมวพันธุ์ Scottish Fold หูมีลักษณะการพับแบบหลวม ๆ ปลายหูพับลงมาด้านหน้าประมาณครึ่งหนึ่ง รูปแบบนี้ เรียกว่า single fold และในปัจจุบันยังมีหูพับแบบ triple fold ด้วย คนเลี้ยงแมวบางส่วนในประเทศอังกฤษมีความเชื่อว่า แมวพันธุ์ Scottish Fold อาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อโรคทางหู และ มีโอกาสในการเป็นหูหนวกสูง พวกเขาจึงร่วมมือกันต่อต้านการจดทะเบียนของ Scottish Fold ใน Great Britain และ Europe  อย่างไรก็ตาม Mrs. Ross ได้นำแมวหูพับบางส่วนของเธอจัดส่งไปให้ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ Neil Todd นักพันธุศาสตร์ ใน Newtonville คอกแรกที่เกิดในอเมริกา เกิดวันที่ 30 พฤศจิกายน 1971 หลังการค้นคว้าเสร็จสิ้นลง ลูกแมวหูพับบางส่วนได้รับการยอมรับจาก CFAโดย แมวพันธุ์ Shorthair Scottish Folds ได้รับการจดทะเบียนจาก ACA ในปี 1973 และ จาก ACFA, CFA ในปี 1974 สถาบัน TICA เป็นที่แรกที่จดบันทึกว่า Longhairs ชนะเลิศการประกวด ในปี 1987-88 และชนะของ CFA ในปี 1993-94  และแม้ว่าครอบครัว Ross จะล้มเลิกความพยายามในการทำให้ประเทศของเขายอมรับแมวสายพันธุ์นี้ แต่พวกเขาได้รับการยกย่องในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นผู้ค้นพบ แมวพันธุ์ Scottish Fold

เบงกอล


 เเมวพันธ์เบงกอล
ลักษณะของเเมว
 แมวเบงกอล เป็นแมวขนาดปานกลางถึงค่อนข้าง หัวมีความยาวมากกว่ากว้าง เนื่องเพราะถูกผสมโดยควบคุมลักษณะให้มีรูปร่างคล้ายแมวป่า เพรียว ยาว เห็นมัดกล้ามเนื้อแบบนักล่าชัดเจน โฑดยที่มักจะมีความสูงส่วนสะโพกสูงกว่าความสูงของช่วงไหล่ หาวส่วนมากจะมีปลายชี้ลง ใบหูกลม สั้น ตารูปไข่ (oval) ช่วงโคนหนวดเด่น ช่วงปากและรอบจมูกกลมกว่าแมวบ้าน จุดที่เด่นที่สุดของแมวเบงกอลได้แก่ลายแลีสีขนที่อาจเป็นจุดแบบแมวป่า หรือลายหินอ่อน
ประวัติ
แมวเบงกอล (Bengal) เป็นแมวที่ผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างแมวดาว (Asian Leopard Cat) กับแมวบ้าน (Domestic Shorthair) ในที่นี้คือ Egyptian Mau คือ พันธุ์แมวอียิปต์โบราณ และมีโครงสร้างเป็นหลายจุด มีลักษณะที่เหมือนแมวป่า (wild cat) ซึ่งการผสมข้ามสายพันธุ์ของแมวดาว กับ E.Mau and Ocicat การกำเนิดขึ้นของแมวเบงกอล เริ่มโดยคุณ Jean Mills หญิงชาวมลรัฐอริโซนา ประเทศอเมริกาที่หลงใหลในลวดลายของแมวป่า เธอใช้เวลาถึง 20 ปี (เริ่มมาตั้งแต่ปี 1980 หรือ 2523) ในการพัฒนาให้มีจุด (Spotted ที่ใหญ่และแมวตัวผู้ไม่เป็นหมัน (แมวตัวผู้จะเป็นหมันใน F1 and F2) จนสามารถสร้างจุดให้ใหญ่และมีสีที่ตัดกันในจุดมากขึ้นด้วย และเธอตั้งชื่อสายพันธุ์นี้ว่า เบงกอล ตามชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวป่าที่เรียกกันว่า Felis bengolensis นั่นเอง

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

เบอร์เเมน

เเมวพันธ์เบอร์เเมน

ลักษณะของแมว
เป็นแมวขนาดใหญ่ ยาวล่ำสัน กำยำ แข็งแรง ขนยาวแวววาวเหมือนใยไหม ขนสีเหลือบทองเป็นสีที่ชื่นชอบมากกว่า ดูราวกับละอองน้ำกับทองคำ แต้มที่หน้าขาและหางมีสีเข้มขึ้นเหมือนกับ Siamese และแต้มสีของ Persian ซึ่งมีรูปแบบสีของแต้มสีครัง แต้มสีน้ำเงิน แต้มสีช๊อกโกเลต

ประวัติ
เชื่อกันว่าแมว Birman มีถิ่นกำเนิดในพม่า ทะเบียนแมวฝรั่งเศสยอมรับ Birman ในฐานะสายพันธุ์ที่แยกออกมา ใน คศ.1925 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเพียง Birman 2 ตัวที่ถูกละทิ้งให้มีชิวิตอยู่ในยุโรป ดังนั้นจึงเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อสถาปนาสายพันธุ์ขึ้นใหม่ แมวที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนส่วนใหญ่ต้องการสายพันธุ์บริสุทธิ์อย่างน้อย 5 รุ่น หลังจากการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อให้ได้รับการรับรองสายพันธุ์อย่างเต็มที่สำหรับ Championship Competition Birman ได้รับการรับรองจากประเทศอังกฤษใน ค.ศ.1966 และจาก The Cat Fancier’s Association ใน ค.ศ.1967








วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

อเมริกันขนสั้น

                                                             เเมวอเมริกันขนสั้น
ลักษณะของเเมว
เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โครงสร้างลำตัวใหญ่โต มีกล้ามเนื้อแข็งแรงเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่ ยาวขนาดปานกลาง ใบหูขนาดกลางและขอบเป็นทรงกลมมน หัวรูปไข่แต่มีคางที่ค่อนข้างใหญ่ชัดเจน ดวงตาแมวพันธุ์นี้กลมโต ขอบตาด้านนอกด้านบนจะโค้งลงมา สีของตาเป็นสีเขียว
ประวัติ
เป็นแมวที่ถูกนำมาจากยุโรปไปสู่แผ่นดินอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งมีการโยกย้ายถิ่นฐานของคนยุโรปไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ แมวถูกนำลงเรือไปเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากมันในการล่าหนูมิให้ทำลายข้าวของ ซึ่งที่นำไปด้วยนั้นมีหลายตัว และได้ผสมพันธุ์กันจนได้ลูกที่มีลักษณะเฉพาะออกมาให้เห็นอย่างปัจจุบัน